1. ไม่สามารถปฏิรูปการทำงานได้
เป้าหมายการนำ
ERP มาใช้เพื่อปฏิรูปการทำงาน
เช่น การลดต้นทุน การเพิ่มความเร็ว การเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการทำงานเป็นต้น
แต่ในทางปฏิบัติจริง ยังคงดำเนินการตามกระบวนการทางธุรกิจ(Business Process) เหมือนกับที่เคยทำมาแต่เดิม
แต่ในทางปฏิบัติจริง ยังคงดำเนินการตามกระบวนการทางธุรกิจ(Business Process) เหมือนกับที่เคยทำมาแต่เดิม
2.
ไม่สามารถปฏิรูปการบริหารจัดการได้
หลังจากนำ
ERP
มาใช้ การใช้ข้อมูลที่ได้ไม่มีความก้าวหน้า ยังคงใช้วิธีการจัดการ เหมือนกับที่เคยทำมา
ไม่ทำให้เกิดการปฏิรูปการจัดการ
3.
ระยะเวลาพัฒนานานและต้นทุนสูง
การสร้างระบบ
ERP
ใช้ระยะเวลาพัฒนานาน มีต้นทุนสูง การนำไปใช้ล่าช้ากว่ากำหนด ยิ่งทำให้ต้นทุนของการพัฒนาสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้มาก
ทำให้ ERP
กลายเป็นของแพง
4.
ต้นทุนของการดูแลรักษาหลังจากนำมาใช้สูง
การนำ ERP
มาใช้จะทำให้เกิดระบบสารสนเทศขององค์กรใหม่ โดยใช้ ERP Package ซึ่งควรจะทำให้การดูแลรักษาทำได้ง่ายและต้นทุนในการดูแลรักษาลดลงแต่ในความเป็นจริง
เนื่องจากมี Software ที่พัฒนาขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า Add-on สำหรับการ Customize อยู่มาก ทำให้ต้นทุนไม่ต่างจากการพัฒนาแบบ Customize ที่ทำด้วยมือ
เนื่องจากมี Software ที่พัฒนาขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า Add-on สำหรับการ Customize อยู่มาก ทำให้ต้นทุนไม่ต่างจากการพัฒนาแบบ Customize ที่ทำด้วยมือ
5.
ไม่สามารถตาม Upgrade
version ของ
ERP
Package ได้
เมื่อมีการ
Upgrade version ของ
ERP
Package ผู้ผลิต ERP package แจ้งว่าจะยกเลิกการบำรุงรักษา
version เก่า
แต่เมื่อจะพยายาม upgrade version
ของ ERP package ที่นำมาใช้ ก็จะพบว่ามีความขัดแย้งกับ Software ที่พัฒนาขึ้นแบบ
Add on โดยการ
Customize ทำให้ทราบว่าต้องทำการสร้างขึ้นมาใหม่
ดังนั้นในการ upgrade version ของ
ERP package จำเป็นต้องมีการทดสอบและการพัฒนาที่ยุ่งยาก
และมีต้นทุนการ upgrade version เท่าๆ
กับการนำเอาระบบใหม่เข้ามาใช้
สาเหตุของความล้มเหลวในการนำ
ERP มาใช้ แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน
1.) สาเหตุของความล้มเหลวในขั้นตอนวางแผน
1. การนำมาใช้โดยผู้บริหาร
ไม่ได้ตัดสินใจ
เป็นการนำ ERP มาใช้โดยผู้บริหารไม่ได้ตัดสินใจ
ทั้งๆที่การนำ ERP
มาใช้นั้น มีเป้าหมายเพื่อสร้างแนวคิดเรื่อง
ERP
เพื่อปฏิรูปองค์กร และฝังรากฐานอย่างมั่นคง ขาดการปฏิรูปจิตสำนึกที่ว่า
ต้องมีการปฏิรูปองค์กรก่อน โดยมักจะหยุดอยู่เพียงแค่การนำ ERP มาใช้โดยฝ่ายระบบสารสนเทศเป็นผู้ผลักดัน
2. การนำมาใช้แบบทดลอง
เนื่องจากไม่มั่นใจในการใช้
ERP package จึงทดลองทำเพียงแค่เปลี่ยนส่วนหนึ่งของการดำเนินงานขององค์กรโดยใช้
ERP package หากทำเพียงเท่านี้
ไม่สามารถที่จะกล่าวได้ว่าเป็นการนำ ERP
มาใช้
3. การนำมาใช้เป็น
Stand Alone Operation
Application
นำ ERP
package มาใช้กับเพียงส่วนหนึ่งของการดำเนินงานขององค์กร
โดยใช้ ERP Package เป็น
Stand Alone Operation
Application หากเป็นเช่นนี้ ไม่ได้นำ ERP มาใช้
4. การนำมาใช้ในการสร้างระบบสารสนเทศ
ในกรณีที่เป้าหมายของการนำ ERP
มาใช้เน้นที่การสร้างระบบสารสนเทศ โดยไม่เป็นไปตามแนวความคิดของ ERP จึงยังคงห่างไกลที่จะกล่าวได้ว่าเป็นการสร้างแนวคิด
ERP และฝังรากฐานอย่างมั่นคง
2.) สาเหตุของความล้มเหลวในขั้นตอนพัฒนา
1. การนำ ERP มาใช้โดยไม่ทบทวน flow ของการดำเนินงานใหม่
1. การนำ ERP มาใช้โดยไม่ทบทวน flow ของการดำเนินงานใหม่
เป็นการนำ ERP มาใช้โดยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับ
business process ซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน ทำให้ไม่เกิดการปฏิรูปการทำงาน ERP
จึงเป็นเพียงโครงการสร้างระบบสารสนเทศโดยใช้ ERP package เท่านั้น
2. การนำมาใช้มีการ customize มาก
2. การนำมาใช้มีการ customize มาก
เนื่องจากขาดการพิจารณา
business process หรือ flow
ของการดำเนินงานในปัจจุบัน จึงทำให้ไม่สามารถใช้ business process ที่
ERP package มีให้เลือกใช้ได้
ส่งผลให้มีการ customize ปริมาณมากขึ้น ทำให้ต้นทุนการพัฒนาของการนำ ERP มาใช้สูง ทำให้บางครั้งอาจมีการยกเลิกการนำ ERP มาใช้กลางคันด้วย
3.) สาเหตุของความล้มเหลวในขั้นตอนใช้งานและขั้นตอนพัฒนาต่อยอด
1. มีความพยายามต่ำในการแสวงหาประสิทธิผลต่อเนื่องหลังจากนำมาใช้
การนำมาใช้โดยไม่มีการทบทวน business process เดิม การนำมาใช้เป็น operation
application, การนำมาใช้บางส่วน,
การนำมาใช้โดยมีเป้าหมายเพื่อปฏิรูปองค์กร หากไม่แสวงหาประสิทธิผลของการปฏิรูปการทำงานอย่างจริงจัง
ประสิทธิผลของการนำมาใช้ก็จะไม่เพิ่มขึ้น
2. มีความพยายามต่ำในการใช้ข้อมูลหลังจากนำมาใช้
ในกรณีที่ทำการสร้างเพียงบางส่วนของฐานรากของระบบสารสนเทศขององค์กร
จะทำให้ขาดความก้าวหน้าในการใช้ข้อมูลจาก ERP ในลักษณะ real time เพื่อการตัดสินใจ ผู้บริหารยังคงใช้รูปแบบการบริหารโดยใช้จากข้อมูลที่รวบรวมสรุปรายเดือน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น